วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

คำสอนเกี่ยวกับ พ่อ จากพระพยอม

++เคยทำอะไรให้พ่อเสียใจบ้างหรือเปล่า 

....อาตมามีเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง โยมพ่อของอาตมาเป็นคนขี้เหล้า... 

หาเงินมาได้เท่าไหร่ก็กินเหล้าหมด 

++พอเมาก็ดุด่าโยมแม่กับอาตมา อาตมาไม่ชอบพ่อมาก....... 

++วันหนึ่ง โยมพ่อเมากลับบ้านไม่ไดมีคนให้อาตมาพายเรือไปรับ 

ตอนนั้น อาตมายังเป็นวัยรุ่น ทำงานมาทั้งวันก็อยากจะนอน.... 

อยากพักผ่อน.... อาตมารู้สึกโมโหมาก 

++พอพายเรือกลับบ้าน ก็ทิ้งโยมพ่อไว้ในเรือ 

แต่พ่อเมามากลุกไม่ไหว ตะโกนเรียก.... "ไอ่ยอม... ไอ่ยอม... เมิงมา 

อุ้มกุขึ้นบ้านหน่อย...กุขึ้นไม่ไหว " 

++ไอ่เราก็ทนรำคาญไม่ไหว เดินกระทืบเท้า ตึง.. ตึง.. ตึง.. 

กระชากร่างพ่ออุ้ม ในขณะที่อุ้ม...... 

++ความรู้สึกเจ็บแค้นที่พ่อทำให้เราลำบาก ชอบด่าว่าเราเจ็บ 

พออุ้มพ่อขึ้นมาจากเรือ... ถึงหัวสะพาน 

++จับร่างพ่อกระแทกกับหัวสะพาน ก้นพ่อกระแทกกับ 
พื้นไม้อย่างแรง เสียงดังโครม....

++พ่อแกร้องไห้......

แล้วพูดว่า "ไอ่ยอมนะ... ไอ่ยอม.. กุอุ้มเมิงมาแต่เล็กแต่น้อย....

กุนอนหลับ.. แต่เมิงไม่ยอมนอน... ร้องไห้กวน.. กุต้องลุกมาอุ้มเมิง...

ร้องเพลงกล่อมให้เมิงนอน

จะไปไหนเมิงเดินไม่ไหว.... เมิงเหนื่อย.. กุก็ต้องอุ้มเมิง.....

ทั้งที่กุก็เหนื่อย...... กุอุ้มเมิง.....

เมิงทั้งขี้ทั้งเยี่ยวใส่กุ.... แต่กุไม่เคยทุ่มเมิงลงกับพื้นสักครั้งเลย...

เพราะกุรักเมิง......

++วันนี้.. เมิงอุ้มกุ.... เหล้ากุไม่ได้หกโดนเมิงสักนิด

เมิงทุ่มกุลงพื้นทำไม....."

++พอพ่อพูดจบ น้ำตาอาตมาไม่รู้มาจากไหน....

มันไหลพรูลงมาอาบสองแก้ม

++อาตมาเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน ก้มลงกราบพ่อ แล้วพูดว่า.....

"พ่อครับ ต่อจากนี้ไป... ผมจะอุ้มพ่อตลอดชีวิต ...

โดยไม่บ่นและทุ่มพ่อ ลงพื้นอีกแล้วละครับ ..."

++หลังจากนั้น.... อาตมาทำงานอย่างหนักเพื่อมาให้พ่อ

หวังให้พ่อสบายขึ้น

++แต่เมื่อถึงวันนั้น มันก็สายไปแล้ว....

โยมพ่อได้จากอาตมาไปแล้ว ....คิดแล้วมันทรมานใจเหลือเกิน

++อาตมาทำผิดพลาดไปแล้ว และแก้ไขไม่ได้

++จึงอยากเตือนทุกคนเอาไว้ไม่อยากให้เสียใจไปตลอดชีวิต


++ปล. แล้วคุณล่ะ เคยทำอะไรให้พ่อเสียใจบ้างหรือเปล่า ?..

บางครั้งเราอาจเข้าใจท่านผิด

บางครั้งท่านเฉยเราก็คิดว่าท่านไม่สนใจ

แต่พอเราโตเราก็จะรู้เองว่า....

สิ่งที่ท่านทำกับเรามันเป็นสิ่งที่ท่านหวังดีกับเราเสมอ

++ขอให้รู้จักค้นหาหัวใจตัวเองให้ทันเวลา

ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป..... 

การถนอมอาหาร

การถนอมอาหารโดยวิธีตากแห้ง เป็นกระบวนการลดน้ำ หนักของอาหารทำให้อาหารมีน้ำหนักเบาขึ้น โดยใช้ตัวกลางทำหน้าที่ถ่ายเท ความร้อนจากบรรยากาศไปสู่อาหารที่มีความชื้นอยู่โดยวิธีใดวิธีหนึ่ง แล้วรับ ความชื้นจากอาหารระเหยไปสู่บรรยากาศภายนอกอาหาร ทำให้อาหารมี ความชื้นลดลงไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดแห้งเป็นอาหารแห้ง โดยทั่ว ๆ ไปอากาศ จะมีบทบาทสำคัญ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายเทความร้อนและความ ชื้นดังกล่าว หลักเกณฑ์การถนอมอาหารตากแห้งคือ จะต้องลด ยับยั้ง และป้องกันปฏิกิริยาทางเคมีทั้งหลายและการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ทุกชนิด เพื่อให้ได้อาหารตากแห้งที่เก็บได้นาน ไม่บูดเน่าเพราะการเจริญเติบโตของ จุลินทรีย์ หรือไม่มีสารเคมีตกค้างเนื่องจากปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างกรรมวิธี เตรียมการผลิต หรือระหว่างการเก็บ เช่น ผักหรือผลไม้ต้องลวกน้ำร้อนก่อน นำไปตากแห้ง เพื่อหยุดปฏิกิริยาเอนไซม์และลดปริมาณแบคทีเรียที่มีอยู่ เป็นต้น อาหารตากแห้งทำได้สองวิธีด้วยกันคือ

เครื่องมือที่ใช้ในการตากแห้ง ชนิดต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะใช้หลักการนำและการพาความร้อนในการตากแห้ง เช่น
  1. เครื่องมือตากแห้งแบบตู้อบลมร้อนไฟฟ้า (cabinet dryer) ใช้ หลักการพาความร้อนในการตากผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ให้แห้ง
  2. เครื่องระเหยแห้ง (spray dryer) ใช้หลักการพาความร้อนในการตากอาหารพวกไข่ น้ำนมโค น้ำนมถั่วเหลือง เป็นต้น อาหารที่จะเข้าเครื่องมือจะอยู่ในสภาพของเหลวหรือคล้ายแป้งเปียก และได้อาหารตากแห้ง เป็นผงแห้ง มีความชื้นไม่เกินร้อยละ 3
  3. เครื่องมือตากแห้งแบบ Drum dryer ใช้หลักการนำความร้อน ในการตากแห้งอาหารพวกน้ำนม น้ำผัก กล้วย เป็นต้น อาหารที่จะป้อนเข้า เครื่องต้องเป็นพวกของเหลวหรือมีลักษณะคล้ายแป้งเปียก
  4. เครื่องมือตากแห้งแบบ Freeze dryer ใช้หลักการนำความร้อน ในการตากอาหารที่อยู่ในลักษณะแช่แข็ง อาหารที่เหมาะในการตากคือ เนื้อแช่แข็ง ได้เนื้อแห้งที่ดี มีความหนาแน่นน้อยกว่าตากแห้งด้วยเครื่องตาก ชนิดอื่น กลิ่นและสีคล้ายธรรมชาติมาก คืนรูปเป็นเนื้อสดได้สมบูรณ์และเก็บ ได้นาน เพราะวิธีตากแห้งชนิดนี้ใช้อุณหภูมิต่ำในการตากความชื้นจาก อาหารจะกระจายไปสู่บรรยากาศโดยวิธีการระเหิด ไม่ใช้ระเหยแบบวิธีตาก ชนิดอื่น ๆ แต่วิธีนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตากแห้งสูงเป็น 4 เท่าของค่าใช้จ่ายในการตากโดยเครื่องมือตากแห้งชนิดอื่น
คุณค่าทางอาหารของอาหารตากแห้งจะสูญเสียไปในระหว่างการ ตากแห้งบ้าง เช่น เนื้อตากแห้ง จะมีวิตามินน้อยกว่าเนื้อสดเล็กน้อย ส่วน โปรตีนนั้นขึ้นอยู่กับวิธีตากแห้ง
อาหารตากแห้งมีน้ำหนักเบากว่าน้ำหนักอาหารสด ง่ายต่อการ ขนส่ง และอายุการเก็บนานขึ้น เพราะอาหารตากแห้งมีสารอาหารที่เข้มข้น ขึ้น ความชื้นต่ำกว่าอาหารสด อาหารตากแห้งแต่ละชนิดจะมีความชื้นจำกัด อยู่ในขอบเขต เช่น ผลไม้แห้งมีความชื้นร้อยละ 4 และเนื้อตากแห้งมีความ ชื้นอยู่ร้อยละ 4 เป็นต้น อาหารตากแห้งที่มีคุณภาพดีจะไม่มีราขึ้นบนผิวอาหาร ไม่มีน้ำตาล เกาะอาหาร เวลาคืนรูปเป็นอาหารสดใช้เวลาคืนรูปภายใน 20 นาที มีอัตรา ส่วนของความหวานต่อความเป็นกรดหรือที่เรียกว่าความอร่อยอยู่ในเกณฑ์ ที่กำหนดของมาตรฐานอาหารตากแห้งแต่ละชนิด ไม่มีปริมาณซัลเฟอร์ได-ออกไซด์หรือสารกันหืนเกินกว่าที่อนุญาตไว้ในกฎหมายอาหาร และต้องเป็น อาหารแห้งที่เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคด้วย
การถนอมอาหารตากแห้งต้องคำนึงถึงภาชนะที่ใช้เก็บรักษา อาหารแห้ง ซึ่งต้องเป็นภาชนะปิดสนิท เก็บไว้ในที่ไม่อับชื้น แต่เป็นที่เย็น เพื่อยืดอายุการเก็บ

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การดูแลผิวแบบง่ายๆ

การดูแลผิว แบบง่ายๆ
คุณต้องรู้ก่อนว่าคุณมีสภาพผิวอย่างไร เช่น มีผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องตามสภาพผิว ซึ่งการดูแลผิวขั้นพื้นฐานนั้นสำคัญที่สุด มี 3 ขั้นตอนหลัก ขั้นตอนแรกคือ คลีนซิ่ง หรือการทำความสะอาด อันนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลผิว เลยกว่าได้ เพราะหากเราไม่ทำความสะอาดผิวให้ดีพอ จะทำให้สิ่งสกปรกตกค้างภายในรูขุมขน และเกิดการอุดตัน จนเป็นสิวได้หรืออาจเกิดริ้วรอยได้เช่นกัน
การดูแลผิว

เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอย่างไร ถึงจะดี?
      
ขั้นตอนที่ 1 การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดง่ายมาก
      
       ถ้าคุณแต่งหน้าเยอะควรใช้คลีนซิ่ง ครีม, คลีนซิ่ง โลชั่น หรือคลีนซิ่ง เจล เพราะจะช่วยขจัดเมกอัปได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณผิวมัน แต่งหน้าเยอะเลือกใช้คลีนซิ่งชนิดโลชั่น หรือเจล หากผิวแห้งแต่งหน้าเยอะก็เลือกใช้ชนิดครีมค่ะ อย่าลืมใช้คลีนซิ่ง โฟม ด้วย เพราะโฟมจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ติดค้างภายในรูขุมขนอีกครั้งหนึ่ง
       
ขั้นตอนที่ 2 โลชั่นปรับสมดุลผิว       
       ขั้นตอนนี้คนส่วนใหญ่มองข้ามไปเลย เพราะนึกว่าไม่สำคัญ ล้างหน้าเสร็จปุ๊บ ตามด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์เลย ซึ่งถือว่าเป็นเข้าใจผิดอย่างมหันฑ์ เพราะขั้นตอนการใช้โลชั่นปรับสมดุลผิวนี้จะช่วยให้ผิวอ่อนนุ่ม ไม่แห้งตึง หลังการล้างหน้า ช่วยกระตุ้นการซึมซาบของ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้ลงสู่ผิวอย่างมีประสิทธิภาพ หลังการเช็ดโลชั่น ที่ผิวหน้ายังสามารถเช็ดบริเวณลำคอ หลังมือ ข้อศอกเพื่อให้ผิวอ่อนนุ่มขึ้นได้อีกด้วยค่ะ เรียกว่าใช้ได้หลากหลายวัตถุประสงค์
      
       มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการดูแลผิว และเปรียบเสมือนเสื้อคลุมปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อมภายนอก คงความชุ่มชื่นให้ผิวอ่อนนุ่มชุ่มชื้นขึ้น
      

เลือกผลิตภัณฑ์กันแดดอย่างไรให้เหมาะกับผิวคุณ?

      
       ก่อนอื่นต้องเลือกผลิตภัณฑ์กันแดด ที่สามารถป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้ทั้งสองแบบ เหตุผลก็คือจะสามารถป้องกันทั้งการเกิด ฝ้า กระ จุดด่างดำ และความหมองคล้ำ ที่เกิดจากรังสี UVB และป้องกันการเกิดริ้วรอย ที่เกิดจากรังสี UVA และแนะนำให้ดูว่า หน้ากล่องจะระบุคำว่า SPF นั่นคือ ค่าป้องกันรังสี UVB หากปกป้องระหว่างวัน เลือก SPF 15 ขึ้นไป และคำว่า PA ค่าในการป้องกันรังสี UVA ที่ระบุด้วยเครื่องหมาย + ถ้าเห็นว่า มี +++ แสดงว่าให้การป้องรังสี UVA อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ขอแนะนำว่า (สำหรับอากาศในเมืองไทย ที่มีแต่ร้อน และร้อนที่สุด ควรเลือก SPF 30 และ PA ++)
      
       สำหรับการปกป้องระหว่างวัน และหากออกแดดจัด ก็เลือกประมาณ SPF 50 PA+++ ก็ดีเลยค่ะ แต่อย่าไปเลือกที่มีค่า SPF สูงมากเกินไป เพราะค่าในการป้องกันแดดแทบจะไม่แตกต่างกันเลย แถมอาจจะทำให้เรารู้สึกไม่สบายผิวด้วยค่ะ
      
       สาวผิวมัน เลือกใช้กันแดดชนิดโลชั่นนะคะ แต่สาวผิวแห้ง เลือกใช้แบบครีมจะดีกว่า ค่ะ เพราะจะให้ความชุ่มชื้นสูง ซึ่งในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์กันแดด ที่ให้การปกป้องและฟื้นฟูผิวไปพร้อมๆ กัน ทำอย่างไรไม่ให้ฝ้ามาเยือนใบหน้า


การดูแลสุขภาพฟัน

ฟันสะอาดสวย ด้วยการดูแลรักษา



ฟันสะอาดสวย ด้วยการดูแลรักษา (ไทยรัฐ)

          ฟันผุและโรคเหงือกดูจะเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับคนที่รักษาฟันไม่ดี สาเหตุโดยมากก็มาจากคราบแบคทีเรียที่เกาะผิวหน้าฟัน คราบแบคทีเรียพวกนี้เริ่มสะสมตามฟันได้ภายใน 20 นาที หลังจากกินอาหาร ถ้าไม่ขจัดคราบเหล่านี้ออกไปในแต่ละวัน มันก็จะเป็นตัวเร่งให้ฟันผุเร็วขึ้น ทีนี้ยิ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้นานเข้าก็จะยิ่งแข็งมากขึ้นและกลายเป็นคราบหินปูน

          ทั้งคราบแบคทีเรียและคราบหินปูนนั้น นำไปสู่ปัญหานานาประการ ได้แก่ ฟันผุเป็นรู บวมเป็นหนอง เหงือกอักเสบ เยื่อหุ้มฟันอักเสบ ลมหายใจเหม็นมีกลิ่นปาก และอาจนำไปสู่ปัญหาอื่นนอกช่องปาก อย่างโรคหัวใจ เป็นต้น

          ถ้าไม่อยากให้ฟันมีปัญหาก็จะต้องรักษาความสะอาดสุขภาพช่องปากกันเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อให้ฟันและเหงือกแข็งแรง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนรักษาความสะอาดของเหงือกและฟันให้สะอาดใสปิ๊ง ดังต่อไปนี้

          ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือถ้าจะเพิ่มหลังอาหารด้วยก็ได้

          ใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละครั้ง

          ไปพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจฟันตามกำหนดนัดทุก 6 เดือน

          สำหรับคนที่ใส่ฟันปลอม หรือมีการใช้อุปกรณ์ดัดฟันควรจะต้องมีการตรวจสอบและทำความสะอาดเป็นประจำ ตรงนี้หมายรวมถึงการแปรงฟันเป็นประจำ และอาจจะต้องแช่อุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อทำความสะอาดเป็นพิเศษด้วย

          ถ้าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับฟันเฉพาะที่ ลองถามทันตแพทย์ดูว่าจะแนะนำแปรงสีฟันแบบใดเป็นพิเศษหรือไม่

          หรือแม้แต่การใช้ไหมขัดฟันนั้น ก็ควรจะถามทันตแพทย์ว่าต้องใช้มันอย่างไรจึงจะถูกวิธี เพราะหากใช้ไม่ถูกวิธี ออกแรงมากไปก็จะทำให้เจ็บเหงือกได้

          พึงระลึกไว้เสมอว่านอกจากการดูแลความสะอาดฟันด้วยตัวเองแล้ว ก็ควรจะต้องไปพบทันตแพทย์ให้ตรวจและขัดคราบหินปูนออกเป็นประจำ โดยเฉพาะในบริเวณที่เราอาจทำความสะอาดเองได้ลำบากก็จำเป็นต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญ  เพราะเขามีเครื่องไม้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่พร้อมสรรพกว่าเรา สรุปว่านอกจากรักษาความสะอาดฟันเองแล้ว ถ้าอยากฟันสวยก็ต้องไม่กลัวหมอฟันด้วย